อินโดนีเซีย เปิดแผนใหญ่ ช่วยจ่ายค่ารถอีวี แต่ต้องเป็นบริษัทที่มีฐานผลิตส่วนหนึ่งในประเทศ
เมื่อกลางปี 2565 ที่ผ่านมา โจโค วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เข้าพูดคุยกับ อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา ที่สำนักงานใหญ่เทสลาในรัฐเท็กซัสด้วยตัวเอง เป็นสัญญาณว่า อินโดนีเซีย กำลังผลักดันให้ตัวเอง มีบทบาทในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
ซึ่งการเจรจาที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งนั้นได้ผลตามคาด มีข่าวลือว่า เทสลา ใกล้จะบรรลุข้อตกลงเลือกอินโดนีเซียเป็นแหล่งผลิตแบตเตอรี่ และรถยนต์ไฟฟ้า ที่สำคัญ อินโดนีเซีย ยังมีแร่นิกเกิลที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่อีกด้วย และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนผลิตรถอีวีในประเทศมากขึ้น รัฐบาลอินโดนีเซีย ออกนโยบายใหม่ ให้เงินอุดหนุนคนเปลี่ยนมาใช้รถอีวี ทั้งรถยนต์ รถบัส และรถจักรยานยนต์ มีผล 20 มี.ค. นี้ แต่เฉพาะรถที่มีการผลิตในประเทศระดับหนึ่งเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ
Agus Gumiwang Kartasasmita รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมของอินโดนีเซีย บอกว่า เฉพาะรถยนต์ที่ผลิตในประเทศโดยใช้การผลิตท้องถิ่นอย่างน้อย 40% เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้รับเงินอุดหนุน ตัวอย่างเช่น Ioniq 5 โดย Hyundai ของเกาหลีใต้ และ Air EV โดย Wuling ของจีน และจักรยานยนต์ไฟฟ้ามีแบรนด์ Gesits, Volta และ Selis ซึ่งผลิตโดยบริษัทท้องถิ่นอย่าง Wika Industri Manufaktur, Volta Indonesia Semesta และ Gaya Abadi Sempurna ตามลำดับ ที่มีเกณฑ์เข้าร่วมโครงการส่วนรายละเอียดเงินอุดหนุนคือ ในการซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หรือผู้ที่เปลี่ยนเครื่องยนต์รถสกูตเตอร์เครื่องยนต์จากสันดาปเป็นไฟฟ้า จะมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือ 7 ล้านรูเปียห์ (ประมาณเกือบ 16,000 บาท) ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและรถบัสไฟฟ้า รัฐบาลก็เปิดตัวเลขว่าจะช่วยให้เงินอุดหนุน 35,900 คันและรถบัสไฟฟ้า 138 คันในปีนี้ แต่ไม่ได้บอกตัวเลขราคาว่าจะช่วยหนุนเท่าไร นโยบายนี้ กระตุ้นให้เกิดการซื้อรถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้นในประเทศ ซึ่งจะกระตุ้นให้บริษัทผู้ผลิตมองอินโดนีเซียเป็นตลาดสำคัญ จนเกิดการลงทุนผลิตต่อไป
Luhut Binsar Pandjaitan รัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการทางทะเลและการลงทุน กล่าวว่า “เงินอุดหนุนมีความจำเป็นในการพัฒนาตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และยังเป็นนโยบายที่สำคัญมาก เพราะเรากำลังเจรจาขั้นสุดท้ายกับผู้ผลิต EV ระดับโลก 2 ราย พวกเขาต้องการดูว่า อินโดนีเซียจะให้สิ่งจูงใจเท่ากันกับประเทศอื่น ๆ หรือไม่”Pandjaitan ไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็นใคร แต่เคยให้สัมภาษณ์สื่อก่อนหน้านี้ว่าเป็นเทสลา และบีวายดีจากจีน ไทยเองก็หนุนการใช้รถอีวีด้วยเช่นกันคือ ออกมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า 3 กลุ่ม ได้แก่ เงินอุดหนุนรถยนต์และรถกระบะ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน และลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% และรถกระบะเป็น 0% ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตจากต่างประเทศและนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์ถึงปี 2566 ซึ่งเป็นมาตรการคล้ายๆ กับที่ประเทศอินโดนีเซียเพิ่งประกาศออกมา สะท้อนให้เห็นความพยายามทั้งไทย และอินโดนีเซีย ที่พยายามชิงความเป็นเจ้าภาพด้านการผลิตรถยนต์อีวี